9/7/54

25. เพลงลูกทุ่งกับปูชนียวัตถุสถาน

ผญาอีสานกับปูชนียวัตถุสถาน
    ในสมัยพุทธกาลนั้นปรากฎว่า  มีแต่บุคคลที่นับถือพระรัตนตรัยคือ  นับถือแต่พระพุทธเจ้า  พระธรรม  พระสงฆ์สาวกทั้งหลายเป็นหลักพระพุทธศาสนา  หามีวัตถุเป็นเจดีย์  คือสิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งการเคารพบูชาในพระพุทธศาสนาไม่  บรรดาเจดีย์ในพระพุทธศาสนา  นอกจากพระไตรสรณคมน์แล้ว   เป็นของเกิดขึ้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วทั้งนั้น(สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ)  และในขณะเดียวกันพระพุทธองค์ก็ได้มีพุทธฎีกาแก่เหล่าพุทธสาวกทั้งหลายให้ยึดถือพระธรรมวินัยเป็นศาสดาแทนพระองค์และเป็นหลักแห่งพระพุทธศาสนา  ดังปัจฉิมโอวาทของพระพุทธองค์ว่า  “ดูกรอานนท์ธรรมและวินัยที่เราได้แสดงแล้ว  บัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลายนั้นคือศาสนดาของเธอเมื่อเราล่วงลับไปแล้ว(ที.ม.)
    อย่างไรก็ตาม    จากการศึกษาก็คงพอจะทราบเค้าแห่งการเกิดขึ้นของปูชนียวัตถุซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา  ในประเด็นนี้พระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาติไว้เหมือนกัน  ในตอนที่พระพุทธศาสนาก็ทรงอนุญาตไว้เหมือนกัน  ในตอนที่พระพุทธองค์ทรงประชวรใกล้จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน  พระอานนท์เถระทูลปรารถว่า  แต่ก่อนมาเหล่าภิกษุบริษัทได้เคยใกล้ชิดและเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่เนื่องนิตย์  เมื่อพระองค์เสด็จเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว  ไม่สามารถเห็นพระองค์อีก  คงจะพากันว้าเหว่โศกาอาดูร  พระพุทธเจ้าจึงตรัสอนุญาตที่สังเวชนียสถานไว้  ๔  แห่งสำหรับพุทธสาวกที่ใคร่จะเห็นพระองค์   ก็ให้ไปปลงธรรมสังเวช ณ  สถานที่ดังกล่าว  คือ  สถานที่ประสูติ  ตรัสรู้  แสดงปฐมเทศนา และสถานที่ปรินิพพานสถานที่ทั้ง ๔  เหล่านี้  จึงเป็นเสมือนสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์
    เป็นที่น่าสังเกตว่า  ในช่วงระยะเวลาหลังจากที่พระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วประมาณ  ๓๐๐  ปีแรก  หรือตั้งแต่พุทธศตวรรษที่  ๒-๓ ก็ยัง  ไม่พบหลักฐานทางด้านศิลปวัตถุที่ถือว่า  เป็นรูปเคารถหรือรูปสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า  สันนิษฐานว่า  พุทธศานิกชนในสมัยนั้น  เมื่อระลึกถึงพระศาสดาใคร่เห็นพระพุทธองค์  ต่างก็พากันไปทำพุทธบูชาปลงธรรมสังเวช ณ  สังเวชียสถานทั้ง  ๔  แห่ง  เพื่อให้เกิดพุทธานุสติและยึดเอาวัตถุสิ่งของเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า  ที่ปรากฎอยู่  ณ  สถานที่นั้นเป็นสัญลักษณ์ด้วย  เช่น  ไม้สาละที่ประสูติ  ไม้โพธิบัลลังก์ที่ตรัสรู้  ไม้รังที่ปรินิพพาน  เป็นต้น(พัชรินทร์)
    พระพุทธศาสนาเมื่อแรกเข้ามาสู่ประเทศไทยนั้น  รูปเคารพต่าง ๆ ยังไม่มี  ครั้นเมื่อจำนวนพุทธศาสนิกชนมีมากขึ้น  จึงได้มีการนำแบบอย่างการสร้างสิ่งเคารพมาเผยแพร่  เช่น  การสร้างพุทธเจดีย์บรรลุพระบรมธาตุ(อันมีพระปฐมเจดีย์เป็นหลักสำคัญ)  ธรรมจักรกับรูปกวางซึ่งหมายถึงพุทธประวัติตอนทรงแสดงปฐมเทศนา  กระทั่งถึงในยุคอินเดียนิยมสร้างพระพุทธรูปแพร่หลายมากแล้ว  ประเทศไทยจึงได้รับแบบอย่างการสร้างพระพุทธรูปตามพระอารามต่าง ๆ  กันมากขึ้น  ในบทเพลงลูกทุ่งกล่าวถึงพระพุทธรูปที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมายในประเทศไทย
    เพลงลูกทุ่งที่กล่าวถึง  พระปฐมเจดีย์ในแง่ของคู่บ่าวสาวที่มีความรักแล้วเอ่ยถึงองค์พระปฐมเจดีย์ในคราวที่อยู่ห่างไกลกัน  อบค์พระอุทเทสิกเจดีย์  ซึ่งเจดีย์ในพระพุทธศาสนานั้นแบ่งออกเป็น  ๔  คือ
1.    ธาตุเจดีย์  คือที่บรรจุพระบรมธาตุ
2.    บริโภคเจดีย์  คือสถูปที่บรรจุทะนานดวง3.    พระบรมธาตุ
4.    อุทเทสิกเจดีย์  คือพระพุทธปฏิมา
5.    ธรรมเจดีย์  คือสถูปที่บรรจุใบลานหรือสิ่ง6.    ที่จารึกพระธรรม(คู่มือพุทธประวัติ)
ส่วนพระปฐมเจดีย์  ถือว่าเป็นธาตุเจดีย์ แต่เจดีย์แรกดั้งเดิมนั้นคือธรรมเจดีย์อันหมายถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า  ซึ่ง
ประเสริฐสุดแต่พอพระองค์เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว  คนก็นับถือธาตุเจดีย์เป็นพระบรมสารีริกธาตุ  แต่ผู้ที่นับถือพระบรมสารีริกธาตุชั้นต้นนั้นเป็นเพียงอุบาสกอุบาสิกานับถือไม่เกี่ยวกับพระเพราะพระเข้ามาบวชเพื่อเข้าสู่ความหลุดพ้นมุ่งปฏิบัติบูชามากกว่าอมิสบูชา
    ระยะแรกไม่มีธาตุเจดีย์เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์จะเห็นได้ชัดในขั้นต้น  ภายหลังจึงเข้าสู่วัดและพระ   ทีหลังจึงมาอุเทสิกเจดีย์ซึ่งอุทิศถวายพระพุทธเจ้า  อะไรก็ได้ที่อุทิศถวายพระพุทธเจ้า  เช่น  ต้นโพธิ์   ก็เป็นสัญลักษณ์  เพราะพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์
    เพราะฉะนั้น  ในการศึกษาถึงความหมายของปูชนียวัตถุสถานนั้นจึงควรแยกประเด็นให้ถูกต้อง  ความมุ่งหมายและความสำคัญของปูชียวัตถุสถาน  คือมองทั้งในแง่รูปธรรมและนามธรรมควบคู่กันไป  เพื่อจะได้เข้าใจถึงบทเพลงลูกทุ่งที่มีเนื้อหาสาระกล่าวถึงปูชนียวัตถุเหล่านี้  แม้ในความคิดของคนไทยนั้นอาจจะคิดไม่ถึงว่าเพลงเหล่านี้จะมีศาสนสมบัติปรากฎอยู่ในบทเพลง   ซึ่งถ้าผู้ที่ไม่สนใจจริง ๆ  แล้วย่อมไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม เพื่อความสะดวกต่อการค้นคว้า  ผู้ศึกษาได้แยกแยะออกเป็นหมวดหมู่ไว้  ๒  ประเภทด้วยกัน คือ
              

                  บทเพลง   ประเภทเจติยสถาน
  บทเพลงซึ่งรายละเอียดนั้น  จะได้แยกแยะให้เห็นเป็นลำดับไป  ดังนี้
    ก.  ประเภทเจติยสถาน
    เจดียสถาน  คือสิ่งก่อสร้างที่ไม่ได้ใช้เพื่อการประกอบกิจกรรมทางด้านสังฆกรรมแต่เพื่อเป็นเจติยสถาน  คือ สถานที่มีความสำคัญควรแก่การเคารพหรือเป็นอนุสรณ์สถานที่ควรน้อมระลึกถึง  เช่น  พระสถูปเจดีย์แบบต่าง ๆ  พระพุทธปรางค์  พระมหาธาตุเจดีย์  พระมณฑปที่ประเสริฐฐานรอยพระพุทธบาท  เป็นต้น(วันดี) 
    พระธาตุซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา   คือ ที่บรรจุพระบรมธาตุ  ในตอนต้นมี  ๘  แห่ง  ตามเมื่อที่ได้รับแบ่งพระบรมธาตุในประเทศไทยนั้นมีอยู่หลายแห่งที่มีความเชื่อถือว่าเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุ
    บทเพลงลูกทุ่งที่กล่าวถึงพระธาตุนั้นมีอยู่หลายเพลง  เพราะคำว่าพระธาตุนั้นมีอยู่หลายจังหวัด  อาจจะตั้งชื่อแปลกกันไปบ้าง  นั้นคือความเชื่อของท้องถิ่นที่มีความเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว  บ้างก็กล่าวถึงครั้งเคยเที่ยวงานพระธาตุ  ดังบทเพลงลูกทุ่งว่า
    “เย็นลมเหมันต์ผ่านผันยิ่งพาสะท้อนโอ้น้องบังอร
    ก่อนนั้นเคยคลอเคียงข้าง  ครั้งเที่ยวชมงานพระธาตุพนม
    ยามหน้าหนาว  พี่ยังไม่ลืมนงเยาว์  โอ้แม่สาวเรณู..”
        (หนาวลมที่เรณู :  สุรินทร์  ภาคศิริ)
    “จากสกลเมืองหนองหานล่ม  จากนครพนม หนี
    ไร่หนีมา  ทิ้งพระธาตุที่เคยได้บูชา  จากอีสานบ้านนา  เจ้าลืม
    สัญญาเฮาเคยเว้ากัน...”
    (หนุ่มนานครพนม  :  สุมทุม  ไผ่ริมบึง)
    “น้ำตาหล่นเสียแล้วละคนอีสาน  เมื่อสมบัติคู่บ้าน
    ของชาวอีสานมาถล่ม สุดเสียดายองค์พระธาตุพนม ก่อนนี้
    เคยกราบก้มกลับมาถล่มจมพสุธา
    เหตุเกิดวันทีสิบเอ็ดสิบหา  เมื่อตอนเวลาเอ้ยตึกสงัด
    สายฝนกระหน่ำลมซ้ำสะบัด  จนพระเณรต้องตื่นผวาโอ
    อะนิจจัง   วะตะ  สังขารา  ฟ้าได้บัญชาอาญาโทษทัณฑ์  คล้ายดัง
    สายฟ้า...เอ้ย....คล้ายดังสายฟ้าฟาดเปรี้ยง   ลงมาองค์พระธาตุทันใด....”
        (อาลัยพระธาตุพนม  :  เทพพร  เพชรอุบล)
    “...สาวอุบลคนทันสมัย  อยู่ในเมืองใหญ่ราชธานี
    กราบพระธาตุนครพนมดลใจเอวกลมรับรักสักที  กาฬสินธุ์
    กลิ่นสาวโสภี  งานล้ำนารีมหาสารคาม...”
    (หนุ่มเหนือแอ่วอีสาน  :  เทอดไทย  ชัยนิยม)
    บางครั้งองค์พระปฐมเจดีย์  ก็เป็นที่พึงของหนุ่มสาวผู้ที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก  โดยการฝากคู่รักไว้กับองค์พระปฐมเจดีย์ แสดงให้เห็นถึงพื้นฐานของจิตใจนั้นมีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา  และเพลงสะท้อนให้เห็นถึงของมีค่าในถิ่นนั้นด้วย เช่น องค์พระปฐมเจดีย์   ข้าวเปรียบ  น้ำตาล   พร้อมทั้งเทศกาลงานเขางูออกร้าน  บทเพลงลูกทุ่งกล่าวไว้อย่างน่าสนใจ  ดังบทเพลงว่า
    “ฝากอนงค์ไว้กับองค์ปฐมเจดีย์   ขอให้ช่วย
    คุ้มครองน้องพี่อย่าให้มีใครลอบมาชม   ย้อนมาคราวหน้า
    จะมาหอมแก้วเอวกลม  จะหิ้วข้าวเกรียบที่เขานิยม  มา
    ฝากคนสวยพร้อมพร้อมด้วยน้ำตาล
    รถเมล์รับจ้าง  ประจำทางสายเพชรบุรี  จากองค์ปฐม
    เจดีย์ลับตาพาเสียวใจซ่าน  ผ่านราชบุรี  เห็นมีงานเขางู
    ออกร้าน  เหลืองเห็นเจ้าข้าวหลามตาหวาน  คิดถึงนงคราญ
    นครปฐม”
        (นิราศรักนครปฐม : ไพบูลย์  บุตรขัน)
    บทเพลงลูกทุ่งเอ่ยถึงรอยพระพุทธบาทจำลอง  ในฐานะที่เป็นสถานที่ศักด์สิทธิ์ของชาวไทย  ออกพรรษาในแต่ละปีจะมีการตักบาตรดอกไม้  และปิดทองพระพุทธบาทจำลองดังบทเพลงว่า
    “....เคยเที่ยวชมน้ำตกสามชั้น  นมัสการพระพุทธ
    บาทงานปีมีเธอเคียงกายออกพรรษาตักบาตรดอกไม้  สองเรา
    ได้ทำบุญร่วมกัน
    สระบุรี  รักพี่ต้องเสียสละ  ใจเธอมาผละจากพี่ไปมี
    ใหม่ผูกพัน  เหลือเพียงรอยรักสองเราเอาไว้ที่นั่น  ผ่านไปใจ
    ยิ่งโศกศัลย์  ไม่เจอจอมขวัญสาวเมืองหินกอง....”
        (สละรักสระบุรี :   ขับร้องโดย  สังคม  แสงดารา)
    อุทเทสิกเจดีย์  คือพระพุทธปฏิมา ซึ่งชนทั้งหลายสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องสักการะระลึกถึงพระพุทธองค์  การสร้างพระพุทธรูปในสมัยแรก  เป็นการสร้างเพื่อถือเป็นสรณะถึงพระพุทธเจ้า  โดยประดิษฐานไว้ตามพระเจดีย์  ต่อมามีการสร้างโบสถ์สร้างวิหารขึ้น  ก็สร้างพระประธานประดิษฐ์ไว้  เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของพระสงฆ์  และพุทธศาสนิกชนที่ไปประชุมรวมกันอยู่ในนั้น
    ในเรื่องนี้  ส.ศิวรักษ์  ได้ให้ข้อคิดว่าการสร้างพระพุทธรูปในสมัยแรกนั้นพวกกรีกเป็นคนสร้างขึ้น  หลังจากที่พวกกรีกนับถือพระพุทธแล้ว    เมื่อเกิดปัญหาพระยามิลินท์ซึ่งเป็นชาวกรีก  พวกชาวกรีกก็เอาแนวคิดที่บุคคลคิดมาทำเป็นพระพุทธรูป  ระยะแรกฝ่ายพระถือเป็นเรื่องใหญ่เกือบจะเกิดสังฆเภทที่เอาพระพุทธรูปเข้ามา  พอพระพุทธรูปเข้ามาคนโบราณก็เห็นว่าเป็นทั้งคุณและโทษ  เป็นคุณคืออาจจะทำให้เกิดศรัทธาปสาทะ   ถือว่าเป็นพุทธคุณ  ส่วนเป็นโทษคือกลัวจะไปติดวัตถุ  ดังที่ท่านพุทธทาสกล่าวว่าพระพุทธรูปนั้นเป็นภูเขากั้นพุทธธรรม  เพราะในสมัยราณนั้นการสร้างพุทธรูปนั้นจึงมุ่งที่ความงามและไม่ได้มุ่งที่ตัวบุคคล  อย่างเชื่อว่าพระพุทธชินราชมีชีปะขาวมาสร้างและสร้างไว้ในสถานที่ซึ่งถือว่าศักดิ์สิทธิ์ไม่เอามาไว้เป็นเด็ดขาด  จนสมัยราชกาลที่  ๓  พระองค์ได้มีพระราชปุจฉาถามกันว่าเอาพระพุทธรูปไว้บ้านนั้นผิดหรือไม่  เพราะเป็นเรื่องต่ำ – สูง  โดยถือว่าในบ้านนั้นเป็นที่บริโภคกาม  เอาตัวแทนของพระพุทะองค์มาอยู่ย่อมไม่ถูกต้องนัก
    คนที่ถือพุทธะมากเท่าใด  เข้าใจเนื้อหาสาระมากเท่าใดก็ติดในพระพุทธรูปน้อยเท่านั้น  เข้าใจเนื้อหาสาระของพระพุทธศาสนาน้อยเท่าใด  ก็ติดในพระพุทธรูปมากเท่านั้นและหนักเข้าก็กลายเป็นวัตถุมงคลและกลายเป็นของขลังของศักดิ์สิทธิ์   จนกลายเป็นเรื่อยไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง(ส.ศิวรักษ์)
    เป็นอย่างไรกก็ตามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องถิ่น  ในแต่ละท้องถิ่นนั้นย่อมไม่เหมือนกัน  โดยแต่ละท้องถิ่นนั้นปรากฎนามไม่เหมือนกัน  แต่ก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของท้องถิ่นซึ่งมีศักดิ์สิทธิ์  อันเป็นที่เคารถบูชา  อนุสาวรีย์ของบุคคลสำคัญ  ที่เรียกว่าปูชนียสถาน  เพลงลูกทุ่งได้นำมากล่าวในแต่ท้องถิ่นนั้น
    จังหวัดพิษณุโลกมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารถบูชาของชาวเมืองเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป  คือ  “พระพุทธชินราช”  ซึ่งมีงานฉลองทุกปีและพระเครื่องที่ขึ้นชื่อของชาวพิษณุโลกก็คือ “พระนางพญา”  ซึ่งอยู่ที่วัดนางพญา  อำเภอเมือง  จังหวัดพิษณุโลก(ลักขณา)  ดังบทเพลงว่า
    “...มาลัยดอกรักจากสาวสวยนัยนาโศกได้รับที่
    พิษณุโลกยังวิโยคครวญหา  ที่ยังอาวรณ์ใคร่ย้อนกลับมาอยู่
    เยือนพระนางพญาเมื่อเห็นหน้าเจ้าของมาลัย
    เคยมาเที่ยวงานออกร้อนทุกปีไม่ขาด  ไหว้หลวงพ่อ
    พุทธชินราช  ชาวพุทะศาสน์เลื่อมใส...”
        (มาลัยจากพิษณุโลก :  ไพบูลย์   บุตรขัน)
    ในแต่ละท้องถิ่น  การตั้งชื่อก็ไม่เหมือนกัน และการปฏิบัติก็ทำแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ละภาค พุทธศาสนิกชนย่อมให้ความเคารพสักการะเพราะมีความเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว  บางท้องที่ก็นำองค์พระมาแห่  บางท้องที่เมื่อถึงเทศกาลงานประจำปีก็นำลงมาปิดทอง  ดังบทเพลงว่า
    “..อยุธยาดินแดนที่แสนศักดิ์สิทธิ์  หลวงพ่อมงคล
    บพิตรศักดิ์สิทธิ์เราเคยเลื่อมใส   อีกพระเจดีย์แม่ศรีสุริโยทัย
    เรเคยขอพรวอนไหว้  ให้ดวงใจเรารักมั่นคง...”
        (ซากรักบึงพระราม  :  โรม  ศรีธรรมราช)
    “...เมื่องานเดือนสิบสองน้องเอ๊ย  เคยเที่ยวกับพี่
    ชักพระทุกที  ปีนี้น้องไปอยู่ไหน...”
    (ไอ้หนุ่มสวนยาง  :   ขับร้องโดย  สุดรัก  อักษรทอง)
    “...เคยเที่ยวสุขสันข์  งานวันแห่พระ  น้องยังสละขาย
    ข้าวขนม  แต่แล้วความฝันดังลม  นวลน้องคู่ชมหนีหน้าจากจร”
        (ไอ้หนุ่มชุมพร :  ประจวบ  วงศ์วิชา)
    แม้นว่าบทเพลงลูกทุ่งจะกล่าวถึงความรักระหว่างหนุ่มสาวอยู่เป็นจำนวนมาก็ตาม  แต่ในความรักนั้นก็แฝงด้วยคุณธรรมที่ยึดถือเอาหลักทางพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว  จะเห็นได้ว่า  ในคราวที่พรัดพรากจากรักก็ยังรำลึกถึงองค์พระที่ตนเองนับถือ  อ้อนวอนให้เจอคู่รัก  ดังบทเพลงว่า
    “...บางประกง  น้ำคงขึ้น ๆ ลง ๆ  ใจอนงค์ก็คงเลอะ
    เลือนกะล่อน  ปากน้ำเค็ม  ไหลขึ้นก็จืดก็จาง  ใจน้องนาง
    รักนานเลยจางจากจรใจนารีสวยสด  คงคดดั่งลำน้ำ  พี่ขืน
    พายจ้ำคงต้องช้ำแน่นอน  ต้องจอดเรือขอลาก่อนแม่กานดา
    งามงอน  งอนหลวงพ่อโสธร  จงดลใจยอดชู้  เจ้าอยู่แห่ง
    ไหนอยู่ใกล้หรือไกลสุดกู่  ได้ยินเพลงร้อง  น้องจงคืนสุ่  พี่
    ยังคอยพธูอยู่ที่บางประกง”
        (รักจางที่บางประกง  :  สดใส   ร่มโพธิ์ทอง)
    พระพุทธรูปบางอค์  ชาวบ้านสร้างไว้เพื่อที่จะเอาไว้บนบานในเวลามีงานบ้านมักจะเชื่อ  จะสังเกตได้จากการบนบาน  บวงสรวงแม้กระทั่งหาเงินเพื่อจะไปสู่ขอเจ้าสาว  ดังบทเพลงว่า
    “.....งานวัดท่าหลวง  บวงสรวงพ่อเพชร  แล้วงหน้านา
    เสร็จลูกใคร่จะไปสู่ขอ  ทำนาหาทุน  บนบานพึ่งบุญหลวงพ่อ
    ขายข้าวในนา  เก็บหาเงินพอ  จะขอแต่งงานกับน้อง
    สาวงามพิจิตร  อดีตชาลวน  เธอลูกใครกันเล่าจ๊ะ แม่
    จันทร์แสงส่องหรือเป็นเชื้อชาติทายาทตะเภาทอง  อยากเป็น
    ตะเข้  ว่ายเร่คาบน้องพากลับวังทอง  เคล้าครองแนบนอน”
        (สาวงามเมืองพิจิตร  :  สดใส   ร่มโพธิ์ทอง)
    “พรุ่งนี้พี่ต้องจำจากจร  ตื่นจากนอนไปตอนไก่โห่
    สั่งลาเข้าสู่กรมกองลำยองนั่งร้องไห้โฮ  กราบหลวงพ่อ
    โตวัดป่าก่อนไปพี่จากลำยอง  ไปสองปีจะรอพี่ได้ไหม  มีไอ้หนุ่ม
    เมียงมองหมายปองกลัวลำยองจะนอกใจ ยามเมื่อพี่จากไกล
    ไปเป็นทหารลากลับมาบ้านใจหาย...”
        (เสียดาย  :  ขับร้องโดย  ศรเพชร  ศรสุพรรณ)

bandonradio

ส่งข่าวถึงกันและกัน

Recent Posts

www.bandonradio.blogspot.com = คลื่นแห่งสาระบันเทิง ..

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons