9/7/54

24. บทเพลงลูกทุ่งสัมพันธ์กันกับทานพิธี

ทานพิธี
    วิธีบำเพ็ญทานนั้น  ในสมัยพุทธกาลมีไม่มากวิธีนัก  เช่น  การตักบาตรเลี้ยงพระ  ทอดกฐิน  ทอดผ้าป่า  บังสุกุล  เป็นต้น  แต่ต่อมาภายหลังวิธีทำบุญได้วิวัฒนาการไปมากเช่นการตักบาตรซึ่งเดิมจริง ๆ  ก็มีเพียงการเอาข้าวสุกใส่บาตรให้พระนำไปฉันที่วัดเท่านั้น  แต่ปัจจุบันการใส่บาตรก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบถวายไป  เป็นตักบาตรน้ำผึ้งตักบาตรน้ำมัน  ตักบาตรเงิน  เป็นต้น(พระมหาเอกนรินทร์)
    อย่างไรก็ตาม  ในการทำบุญให้ทานนั้น  เจตนาถือว่าสำคัญ  จะต้องมีเจตนาทั้ง  ๓   กาล  คือ  ก่อนให้ทาน ขณะให้ทาน  และหลังจากให้ทานแล้ว  ผลบุญจึงจะได้สมบูรณ์ดังพระคาถาว่า
    “ทายกก่อนแต่จะให้เป็นผู้ใจดี  กำลังให้ทานอยู่ก็ยังจิตให้ผ่องใส
    ครั้นให้ทานแล้ว  ย่อมปลื้มจิต  นี้เป็นยัญสมบัติ  (ความสมบูรณ์ของทายก)”(องฺ ฉกฺก)
ส่วนวัตถุที่พึงให้ทานนั้น  ท่านกล่าวไว้มี  ๑๐  อย่าง  คือ  อย่างนี้บางอย่างก็ไม่เหมาะต่อการถวายแก่พระสงห์  ในประเด็นนี้ผู้ศึกษาพึงแยกแยะให้ถูกว่าสิ่งไหนควรไม่ควร   การบำเพ็ญทานดังกล่าวได้กลายเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวพะทธศาสนิกชนไปแล้ว   ดังที่ปรากฎในหลักของศาสนพิธีต่าง ๆ  ซึ่งกล่าวถึงแบบอย่างของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องเพื่อความเป็นระเบียบและครบถ้วนตามหลักศาสนพิธีที่ชาวพุทธยึดถือกัน
    การบำเพ็ยทานนั้น  เมื่อถือหลักเจตนาของผู้บริจาคเป็นที่ตั้งแล้ว  แบ่งออกเป็น  ๒  อย่าง  คือ
1.    ปาฏิบุคลิกทาน  ถวายเจาะจง2.    พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง3.   
4.    สัง5.    ฆทาน  ถวายไม่เจาะจง6.    แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง7.    (พ.อ.)
ผู้รับทานหรือปฏิคคาหก  (เรียกว่า  บุญเขต)  ต้องเป็นบุญเขตหรือเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมจึงจะทำให้ผลทานหรือสักการบูชามีผลานิสงส์มากในธัมมปทัฎกถามีพุทธดำรัสว่า  “เมื่อจิตประณีต  ทานที่ถวายแก่พระอริยบุคคลมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น  ย่อมไม่ชื่อว่าเศร้าหมอง”(จิตฺตสฺมึ)   คือเมื่อตั้งใจให้ทานในผู้รับที่บริสุทธิ์   ทานย่อมให้ผลเต็มที่ในพระพุทธศาสนายกย่องการเลือกให้ (วิจยทาน)  ดังที่พระพุทธเจ้าว่า  “พึงเลือกให้ทานในบุญเขตที่มีผลานิสงส์มาก  ที่พระสุคตตรัสสรรเสริญ   การให้แก่พระทักขิไณยบุคคล   เหมือนการหว่านพืชลงในนาดีฉะนั้น”(วิเจยฺย)
จากการศึกษาพบว่า  บทเพลงลูกทุ่งหลายเพลงที่กล่าวถึงการให้ทาน  เช่น  การให้ทานทำบุญในเทศกาลทอดกฐิน  ผ้าป่า 
ให้ทานปล่อยชีวิตสัตว์  แม้กระทั่งการทำบุญตักบาตรโดยทั่วไปก็ถือว่า  เป็นการให้ทานเหมือนกัน
    จากความเชื่อที่ว่า  “ทำบุญต้องอธิษฐาน  ให้ทานต้องปรารถนา”  ซึ่งเป็นคติชาวบ้านทั่วไปมักจะเชื่อว่าการตักบาตรทำบุญให้ทานนั้นผลอานิสงฆ์ต้องสะท้อนกลับอย่างแน่นอน  อย่างเพลงลูกทุ่งที่กล่าวถึงความสวยของสตรีเชื่อว่าได้มาจากแรงปรารถนาที่เคยได้ทำบุญให้ทานไป  จึงประสบผลด้วยพรสี่ประการ  คือ  อายุ  วรรณะ  สุขะ  พละ  ดังบทเพลงว่า
    “ผู้หญิงที่สวยอย่างคุณ   ทำบุญไว้ด้วยอะไร  จึงสวย
    น่าพิศมัยน่ารักน่าใคร่พริ้งพราว  คงถวายมะลิไหว้พระ
    วรรณะจึงได้นวลขาว  เนตรน้องดั่งสอยจากดาว กะพริบ
    พร่างพราวหนาวใจ
    ตักบาตรคงใส่ด้วยข้าวหอม   จึงสวยละม่อมละไม  บุญทาน
    ที่ทำด้วยเต็มใจ  เธอจึงได้พรสี่ประการ  อายุ  วรรณะ  สสุขุ
    พละและปฏิภาณ   เพียงพบเจ้านั้นไม่นานพี่ซมพี่ซานลุ่มหลง”
        (ทำบุญด้วยอะไร :พยงค์  มุกดา)
    การจัดถวายผ้ากฐินจัดเป็นสังฆทาน  คือถวายโดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง  ถวายในท่ามกลางสงฆ์  ภิกษุรูปใดจะได้ผ้านั้นเป็นสิทธิ์หรือเรียกองค์ครองนั้นเป็นหน้าที่ของสงวห์ในวัดนั้นจะพึงปรึกาหารือและตกลงกับมอบให้ภิกษุรูปที่สงห์เห็นสมควรสามารถทำกฐินถูกต้องตามพระบรมพุทธานุญาตได้
    พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในทักขิณาวิภังคสูตรว่า  “ดูก่อนอานนท์ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้น  เรากล่าวว่ามีผลนับไม่ได้  แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฎิปุคคลิกทานว่ามีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไร ๆ  เลย”(ม.อุ)  การทอดกฐินจัดว่าเป็นการถวายเพื่อสงฆ์โดยเฉพาะและการถวายกฐินนี้จัดว่าเป็นกาลทาน  คือถวายได้เฉพาะกาลหนึ่งเท่านั้น  จะถวายตามใจชอบไม่ได้
    บทเพลงลูกทุ่งกล่าวถึงการถวายทานที่ยิ่งใหญ่เรื่องการทอดกฐินไว้อย่างมากมายเพราะชาวไทยถือว่าเป็นงานบุญประเพณีด้วย  เพราะฉะนั้นเรื่องกฐินจึงเป็นเรื่องที่ชาวพุทธให้ความสำคัญ  เมื่อถึงเทศกาลก็ชักชวนกันทำบุญ  โดยยึดหลักศาสนพิธีทางศาสนกระทำกันอย่างถูกต้อง  ดังบทเพลงว่า
    “ว่าโอ้วันนี้  นะพี่น้องเอ๋ย  จงอย่าละเลยพี่น้องทั่วถิ่น
    เสียงเครื่องขยายที่ท่านได้ยิน  เป็นงานกฐินของวัดบ้านเรา
    ถึงกาลแล้วหนอ  พอออกพรรษากฐินกาลทานมาเหมือนเก่า
    บุญประเพณีมีนานเนา  สมัยพระพุทธเจ้าของเรามีรวมกัน
    ทอดผ้าโมทนากฐินเชิญท่านทุกถิ่นเพิ่มบุญราศี  เป็นกุศล
    พิเศษเจตนาดี  บุญยิ่งใหญ่นี้ทำยากยิ่งนา
    จะต้องอาศัยซึ่งกำลังทรัพย์  และตามอันดับคือกำลัง
    ปัญญา  เข้ามาประกอบกำลังศรัทธา  จึงจะเป็นบุญญากฐิน
    ทาน...”
        (อานิสงส์ทอดกฐิน  :  ไวพจน์  เพชรสุวรรณ)
    ในการสร้างวัดนั้นถือเป็นงานใหญ่  แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยเหลือในทางทรัพย์สินได้ก็อาจจะช่วยในทางกำลังความคิด   กำลังกาย  หรือกำลังใจ  คือให้การสนับสนุนโดยไม่ขัดขวางก็ย่อมเป็นการให้ทานและเป็นการสร้างสมบูญบารมีให้เกิดขึ้น   เพราะมีแรงศรัทธาในศาสนาเช่นกัน   ถือว่าท่านกำจัดมลทินคือความตระหนี่อย่างสิ้นเชิง  อันใคร ๆ  ไม่ติเตียนได้จะได้เข้าถึงโลกสวรรค์(ขุ.วิ)   ตามปกติแล้วการทำทานทุกชนิดย่อมมีอานิสงส์ของทานนั้นเสมอ  ถ้าผู้ให้ทานกระทำไปด้วยใจบริสุทธิ์  ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่(วันดี)   พระพุทธเจ้าก็ได้แสดงถึงอานิสงส์ของการถวายทานว่า
    “ผู้ให้ทานย่อมเป็นที่รักของชนเป็นอันมาก  ชื่อว่าดำเนิน
    ตามธรรมของสัปบุรุษ   สัปบุราผู้สงบ  ผู้สำรวมอินทรีย์  ประกอบ
    พรหมจรรย์  ย่อมคบหาผู้ให้ทานทุกเมื่อ   สัปบุรุษเหล่านั้นย่อม
    แสดงธรรมเป็นที่บรรเทาทุกข์ทั้งปวงแก่เขา   เขาได้ทราบชัด
    แล้วย่อมเป็นผู้หาอาสวะมิได้   ปรินิพพานในโลกนี้”(องฺ ปญฺจก)
    เพลงลูกทุ่งได้เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ให้พุทธศาสนิกชนร่วมบำเพ็ญกุศลด้วยการบริจาคทรัพย์สร้างวัด  หรือศาสนสถานซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา  ในการนี้พระพุทธศาสนาเน้นหนักการบริจาคทรัพย์ตามกำลังศรัทธา   ในชนบทนั้นวัดเป็นศูนย์รวม  เมื่อมีกิจกรรมเกี่ยวกับทางวัด  ชาวบ้านจึงพร้อมใจสามัคคีพากันไปช่วยกันหาทุนสร้างชีวิตดังบทเพลงว่า
    “สิบนิ้ววันทาและมาบอกบุญ  เชิญนะคุณ ๆ  มาร่วมใจทำบุญสร้างวัด
    สละกันไปไม่ใช่เรี่ยไร  แต่มาบอกบุญเสนาสนะมันผุพัง  คอยความหวังจากคุณ ๆ  ทำบุญกันเถิดจะ
    เกิดบุญรวบรวมเป็นทุนให้วัดไป
    โอ้โบสถ์วิหารกระดานกุฎีทรุดโทรมเสื่อมศรีน่าเศร้าใจ
    พระสงฆ์องค์เจ้าเข้าอาศัย  ท่านจะสุขใจอย่างไรดี  เราคน
    ไทยชาวพุทธเชื้อศากยะพระมุนีเรื่องบุญกุศลทุกคนยินดี
    สุดที่พลีบริจาคทานตามกำลังศรัทธา  แต่ทำเอาหนังหน้าต้องการ
    การ   คนละบาทสลึงได้ถึงนิพพาน  รวมกันให้หมดยังได้หลายโอ่ง
    ร่วมกันช่วยว่าจรรโลง  สิ่งประสงค์ดังใจปอง...”
    (เชิญทำบุญสร้างวัด  :  ไวพจน์  เพชรสุวรรณ)
    การปล่อยนกปล่อยปลาในเทศกาลสงกรานต์นั้น  คนไทยถือว่าเป็นการให้ทานแก่ชีวิตเหมือนกัน  สงกรานต์บ้านนา  นอกจากจะเป็นเทศกาลที่นำมาซึ่งความสนุกสนานหรรษาของชาวไทยอย่างแท้จริง  การทำบุญช่วยชีวิตเขาให้พ้นความตาย  ถือว่าได้ต่ออายุของเขา  บางครั้งผู้ปล่อยยังอธิฐานขอให้เคราะห์กรรมต่าง ๆ  หายไปพร้อมกับนกและปลา
    การปล่อยนกปล่อยเลานี้ถือเป็นกุศลอย่างหนึ่งของคนไทยและคนไทยส่วนมากมักจะมีจิตใจเมตตากรุณาต่อสัตว์(แปลก)  คนไทยจึงนิยมทำกันมาก  เพราะเชื่อว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้เบาบางลง
    เนื้อหาสาระของเพลงลูกทุ่งยังคงไว้ซึ่งประเพณีที่ดีงามของเมืองไทย  เช่น  การเล่นรำวงชาวบ้าน  การเล่นช่วง  เล่นสะบ้า  ตลอดจนปล่อยนกปล่อยปลา  สงกราน์บ้านนาจึงเป็นสิ่งที่ควรอนุรักษ์   ดัวเพลงว่า
    “สงกรานต์บ้านนา  วันนี้กานดาสุขกันชุ่มฉ่ำ
    เล่นช่วงสนุกหนักหนา  พร้อมเล่นสะบ้า  เริงร่าเหลือล้ำ  ใคร
    แพ้แน่นอนถูกตี  ถ้าแพ้คน  พี่ไม่ว่าสักคำ
    นานทีปีหน  วันเวียนวนให้มาดื่มด่ำ  ปล่อยนกปล่อยปลา
    ปะแป้ง    คนใส่เสื้อแดงแต่งตัวงามล้ำ  กลางคืนรื่นรมย์รำวง
    ขอเชิญโฉมยงมาเป็นคู่รำ
    สงกรานต์บ้านเรา  ประเพณีเก่า ช่วยกันจุนค้ำ สนุก
    ทุกข์แบบไทย ๆ  อย่าไปหลงใหลของใหม่เต้นบั้มพ์
    อย่าปล่อยให้เสื่อมสูญไป  เราคนไทยต้องใส่ใจจำ..”
        (สงกรานต์บ้านนา :   ข้อร้องโดย ยอดรัก  สลักใจ)
    สมัยหนึ่ง  เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์แล้วเสด็จไปจำพรรษา  ณ  บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ในดาวดึงส์เทวโลก  เพื่อจะตรัสพระสัทธรรมเทศนาสัตตปกรณาภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา  ครั้นถึงวันปวารณาสมเด็จพระบรมศาสดาทรงปวารณาพระวัสสาแล้วเสด็จจากดาวดึงส์พิภพมาสู่มนุษย์โลก  โดยบันไพทิพย์ทั้ง  ๓  คือ   บันไดทอง อยู่ ณ  เบื้องขวา  บันไดเงิน  อยู่  ณเบื้องซ้าย  บันไดแก้วประดิษฐานอยู่ในท่ามกลาง  และเชิงบันไดทั้ง  ๓  นั้นจดพื้นภูมิภาคปฐพี  ณ ที่ใกล้เมืองสังกัสสนคร  และศีรษะบันไดเบื้องบนยอดเขาพระสิเนรุราชอันเป็นที่ตั้งแห่งดาวดึงส์พิภพ  บันไดทองเป็นที่แห่งหมู่เทวดาอันตามส่งเสด็จ  บันไดเงินเป็นที่ลงแห่งหมู่พรหมบันไดแก้วในท่ามกลางเป็นทางเสด็จของพระบรมครูสัพพัญญูเจ้า
    การทำบุญตักบาตรเทโว  ก็เท่ากับทำบุญตักบาตรต้อนรับพระพุทธองค์  ในคราวเสด็จลงจากเทวโลกนั่นของทำบุญที่นิยมกันเป็นพิเศษในกาลทานนี้  คือข้าวต้มลูกโยน  ซึ่งเอาข้าวเหนียวมาห่อด้วยใบมะพร้าวไว้หางยาง
    การที่ทำบุญให้ทานด้วยข้าวต้มลูกโยนนั้น  กล่าวกันว่าในครั้งนั้นสมเด็จพระบรมศาสดาถูกห้อมล้อมด้วยเทวดาและมนุษย์ผู้ที่เข้าถึงพระองค์ก็มีผู้ที่เข้าไม่ถึงก็มี  ดังนั้น  ผู้ที่เข้าไม่ถึงก็โยนเข้าไป  เมื่อถึงวันกำหนดการตักบาตรเทโว  พุทธศาสานิกชนทั่วไปก็จะตั้งแถวเรียงรายคอยใส่บาตร  สรุปลงได้ว่า  ทำให้ใกล้กับความจริง  เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชาวพุทธก็ได้มีโอกาสบำเพ็ญทานพิธี  ซึ่งชาวพุทธเรียกวันนี้ว่า “เทโวโรหณแปลว่าพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก”
    บทเพลงลูกทุ่งกล่าวถึงการเตรียมตัวไปตักบาตรทำบุญในวันนี้สิ่งที่ตระเตรียมก็คืออาหารกระป๋อง  นมข้ม  น้ำตาล  และข้าวสุก  เป็นต้น ชาวพุทธมักจะถือวันนี้เป็นวันสำคัญได้พบเพื่อนและญาติพี่น้องที่มาร่วมทำบุญที่วัด  ดังบทเพลงว่า
    “เดินไปยิ้มไป วัดเหนือวัดใต้มีงานใหญ่โต  วัดเล็ก
    วัดน้อยวัดใหญ่ทำบุญกันให้จิตใจสุโข  ไม่ว่าชาวบ้าน
    ห้างร้านตลาด  วันนี้ชวนญาติมาตักบาตรเทโว   ตั้งใจเอาไว้
    แน่นอน  ฉันตื่นมาก่อนเมื่อตอนไก่โห่  ซื้อของมาจากตลาด
    จัดแจงใส่ถาดไปตักบาตรเทโวมีทั้งข้าวสุกและข้าวสารนมข้น
    น้ำตาลกาแฟโกโก้  ปลากระป๋องผัดผักดองผักกาด  จัดแจง
    ใส่บาตรไปตักบาตรเทโว  ทำใจเราให้เยือกเย็น  แต่งตัวให้
    เด่นฉันเป็นคนโก้  ใส่ทองหนักตั้งสิบบาทแต่งไปอวดญาติวัน
    ตักบาตรเทโว  ไปยืนคู่เคียงเรียงแถวพระมากันแล้วอย่ามัว
    คุยโว  ชาวไทยน้ำใจสะอาด  วันนี้รวมญาติ  มาตักบาตรเทโว”
    (ตักบาตรเทโว  :  ขับร้องโดย  พิมพา  พรศิริ)
    ในสังคมไทย  ซึ่งมีพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจย่อมมีการยึดถือในเรื่องการทำบุญให้ทานกันมากจึงกล่าวได้ว่า  คนไทยนั้นเป็นผู้ที่มีน้ำใจประกอบด้วยเมตตากรุณาเป็นที่ตั้งและสิ่งที่สำคัญก็คือคนไทยนั้นเชื่อในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า  “การบำเพ็ญทาน  เพื่อกำจัดกิเลสในใจของผู้ให้”   ให้เรื่องของทานไม่เฉพาะเจาะจงเป็นคนขอทานหรือให้แก่พระสงฆ์ก็ใช้คำว่าทานเหมือนกัน
    บทเพลงลูกทุ่ง  หรือวงดนตรีลูกทุ่งนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการให้ทานไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม  จะเห็นได้ว่าวงดนตรีลูกทุ่งนั้นเวลาเปิดทำการแสดง  ส่วนมากก็ไปในงานบุญกุศลบุญให้ทานทั้งนั้น  แม้กระทั่งผู้ร้องเพลงลูกทุ่งก็บริจาคทานเองก็มี  เช่น  การทำบุญทอดผ้าป่า   ทอดกฐินเป็นต้นส่วนบทร้องของเพลงลูกทุ่งนั้น  จากการศึกษาและค้นคว้ามีอยู่มากมายส่วนมากจะปรากฎอยู่ในเพลงเกี่ยวกับ  งานบวช  งานผ้าป่า  กฐิน  และงานประเพณีอื่น ๆ อีกซึ่งมักจะเป็นเนื้อร้องในทำนองเชิญชวนพุทธศาสนิกชนได้ร่วมทำบุญบริจาคทานสร้างวัดถวายไว้ในพระพุทธศาสนาจะเห็นได้ว่าวัดในประเทศไทยนั้นมีอยู่มากมาย  ก็เนื่องมาจากความเชื่อในเรื่องทานนั่นเอง 

bandonradio

ส่งข่าวถึงกันและกัน

Recent Posts

www.bandonradio.blogspot.com = คลื่นแห่งสาระบันเทิง ..

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons