9/7/54

13.ผญาภาษิตที่สะท้อนถึงระบบครอบครัว

ผญาภาษิตที่สะท้อนถึงระบบครอบครัว
เป็นคำสอนที่แสดงถึงคู่ของบุคคลที่ต้องมีหน้าที่ปฏิบัติต่อกันในสังคม  บุคคลในสังคมถ้าตั้งใจปฏิบัติตามความสัมพันธ์ต่อกันในครอบครัว ความสงบสุขย่อมจะเกิดขึ้นในแต่คู่ของบุคคลนั้น  ในปัญหาเช่นนี้  สุภาษิตอีสานจะนำมาสอนในกรณีที่เป็นหลักจรรยาบันของสังคมในครอบครัว  ซึ่งจะเน้นให้บุคคลทำหน้าที่ของตน
         การดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมของมนุษย์จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์เป็นตัวนำทางให้สมาชิกของสังคมดำเนินชีวิตไปตามครรลองที่สังคมต้องการ  เครื่องมือในการนำทางดังกล่าวจึงถูกกำหนดมาในรูปแบบบรรทัดฐานทางสังคม  ค่านิยมที่ได้รับการถ่ายทอดมา  ว่าคนเรามีการตัดสินที่จะเลือกแนวทางในการปฏิบัติของตนเองตามปัจเจกชน   ชาวอีสานให้ความสำคัญกับคำถามที่ว่า”เราควรจะเลือกมีชีวิตอยู่อย่างไร” และควรทำอย่างไร  และควรเว้นอะไร  สิ่งเหล่านี้ล้วนมีอย่างละเอียดตั้งแต่เรื่องของมารยาท  การเลือกคบคนอย่างไรจึงจะดี  และควรเลือกคนอย่างไรมาเป็นคู่ชีวิตของตนเอง  และจะปฏิบัติต่อคนประเภทต่างๆอย่างไร  เช่น  กับพ่อแม่  พ่อตาแม่ยาย  ลูกเขย  ลูกสะใภ้  และต่อพระสงฆ์  ควรจะวางตนอย่างไร  เป็นหน้าที่ของจริยธรรมจะชี้บอกทางให้  และสังคมชาวอีสานยังมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ  เป็นชุมชุนที่ยึดถือระบบญาติมิตรมาก  เพราะความจำเป็นทางสังคมก็ดี  ทางสิ่งแวดล้อมก็ดีล้วนแต่เป็นปัจจัยเกื้อกูลกันและกันให้ชาวอีสานต้องทำอย่างนั้น  และชาวอีสานชอบแสวงหาความสงบสันติทางสังคม  ดังจะเห็นอิทธิพลของสุภาษิตอีสานซึ่งเท่าที่พบจากวรรณกรรมคำสอนต่างๆพอประมวลจริยธรรมของบุคคลต่างได้ ๖ ประการคือ
        ๑ )  บิดามารดาตามนัยแห่งสุภาษิตอีสาน
พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกๆสุดจะพรรณนา ความรักลูกยิ่งกว่าสิ่งใดประดุจดวงตาดวงใจก็ไม่ผิด  พ่อแม่ทุกคนย่อมตั้งอยู่ในคลองธรรมและปฏิบัติต่อลูกหลาน  ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ลูก  อุตสาห์เลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโต  ให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียนความรู้ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีสติปัญญาแนะนำเกี่ยวกับการอาชีพ  สำหรับลูกผู้ชายเมื่อมีอายุครบบวชพ่อแม่ก็จัดการบวชให้  พ่อแม่ย่อมเอื้ออาทรรักและห่วงใยลูก  สิ่งใดไม่ดีพ่อแม่ก็แนะนำห้ามปราม  มิให้กระทำชั่วพยายามให้ตั้งอยู่ในคุณความดี  จัดหาคู่ครองที่สมควรหรือจัดแต่งงานให้ตามจารีตประเพณีและหากมีทรัพย์ก็มอบให้ลูกครอบครองแทนตนต่อไป  พ่อแม่มีพระคุณต่อลูกถึงจะด่าลูกๆบ้างก็เพื่อความหวังดีของท่าน ดังคำกลอนสุภาษิตว่า
พ่อแม่ฮักลูกเต้าเสมอดังดวงตา    เถิงซิมีคำจาด่าเซิงคำฮ้าย
เผิ่นหากหมายดีด้วยดอมเฮาจั่งฮ้ายด่า    ความปากว่าบ่แพ้หัวใจนั้นหากบ่นำ
ยามเฮามีความต้องเจ็บเป็นไข้ป่วย    เผิ่นบ่ป๋าปล่อยถิ่มเฮาไว้ถ่อเม็ดงา
มีแต่แหล่นซ้วนหน้าหาของกินมาฝาก    ยากนำลูกน้อยๆความเว้าจ่มบ่เคย 5 นุ่ม
            วรรณธรรมชาวอีสานมีระบบเครือญาติสูงซึ่งจะพบว่าบรรดาลุง ป้า น้า อา และพี่ นับเป็นญาติชั้นสูงอาวุโส  ควรรู้วางตนให้สมกับเป็นที่เคารพนับถือของลูกหลานและญาติพี่น้อง  มีเมตตาธรรมไม่ถือตัวโอ้อวดมีอะไรก็ช่วยสงเคราะห์เป็นที่พึ่งพาอาศัยของญาติพี่น้องลูกหลานได้  หากลูกหลานและญาติพี่น้องถูกใคร่รังแกก็อาศัยเป็นที่พึ่งพากันในยามทุกข์ยากได้  ดังคำโบราณว่า
    ฝูงเฮาผู้เป็นลุงป้าอาวอาน้าพี่        ให้มีใจฮักพี่น้องวงศ์เชื้อลูกหลาน
    คนใดมีทุกข์ฮ้อนอ้อนแอ่วมาหา        ซ่อยอาสาเป่าปัดให้ส่วงคลายหายเศร้า
    การครองย้าว    เอาศีลธรรมเป็นที่เพิ่ง    ตามเปิงฮีตบ้านปางเค้าเก่ามา
    ไผมีงานหนักหนาให้หาทางซดซ่อย        บรรดาลูกหลานส่ำน้อยดีใจล้ำอุ่นทรวงฯ
    คุณปู่ ย่า ย่อมเป็นที่รักและเคารพของลูกหลาน  เปรียบประดุจด้วยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานดังคำโบราณอีสานว่า
    อันปู่ย่านั้นหากฮักลูกหลานดั่งเดียวหลาย    ทั้งตายายก็ฮักลูกหลานหลายดั่งเดียวกันนั้น
    ลูกหลานเกิดทุกข์ยากไฮ้ได้เพิ่งใบบุญ    คุณของปู่ย่าตายายหากมีหลายเหลือล้น
    ควรที่ลูกหลานทุกคนไหว้บูชายอยิ่ง    เปรียบเป็นสิ่งสูงยกไว้ถวยเจ้ายอดคุณ
    บุญเฮาหลายแท้ที่มีตายายปู่ย่า    เพราะว่าเพิ่นเป็นฮ่มให้เฮาซ้นอยู่เย็น ฯ
แม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่ญาติตนเองก็ยังมีความนับถือกัน  ซึ่งจะมีทั้งคนที่มีคุณธรรมในชุมชนของตนเองก็ยังได้รับการเคารพ  โดยถือกันว่าเป็นแนวทางของการปฏิบัติต่อท่านผู้สูงอายุ  ธรรมเนียมของชาวอีสานมักจะเคารพผู้อาวุโสในด้านต่างๆอาจเป็นด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ  และชาติวุฒิเป็นต้น  ดังนั้นคนเฒ่าคนแก่จะควรเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกหลานทั้งในด้ายความประพฤติและด้านจิตใจ  ดังคำโบราณอีสานว่า
    เป็นผู้เฒ่าให้ฮักลูกหลานเหลน    เป็นขุนกวนให้ฮักการเมืองบ้าน
    สมสถานเบื้องเฮิงฮมย์ถ้วนทั่ว    อย่าได้ฮักผิ่งพุ้นซังพี้บ่ดี
    อันว่าเฒ่าบังเกิดสามขานั้นฤา    หมายถึงคนวัยสูงผู้ควรถือหน้า
    ย้อนว่าเอาตนเข้าถือศีลฟังเทศน์    เถิงกับสักค้อนเท้าไปด้วยใส่ใจ
    ชาติที่เฒ่าบ่ฮู้วัตรคลองธรรม    ปาปังแถมซู่วันเวียนมื้อ
    เถิงว่าวัยชราเฒ่าหัวข่าวแข้วหล่อน  อายุฮ้อนขวบเข้าบ่มิผู้นับถือ แท้แหล่ว
        ๒ )  ครู และ อาจารย์
        ๓ )  สามีและภรรยา
ภรรยาคือชื่อว่าเป็นช้างท้าวหลังธรรมเนียมชาวอีสานเรียกว่าธรรมเนียมของภรรย169  เป็นการสอนในการครองเรือนให้มีความสุขที่เป็นข้อปฏิบัติสำหรับสามีภรรยาที่ต้องมีความรักใคร่ต่อกัน  การประพฤติหลักของอีตผัวคองเมียนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง  เพราะธรรมดาทัศนะคติของคนสองคนที่มาเป็นคู่ครองกันนั้นย่อมแตกต่างกันไปตามอุปนิสัยบางคนแข็งกระด้างบ้างคนอ่อนน้อม  ดังนั้นปราชญ์อีสานจึงสอนว่าการเป็นสามีภรรยากันนั้นมันง่ายแต่จะครองรักอย่างไรจึงจะมีความสุขได้  ตามความเชื่อของคนไทยโบราณสอนว่าสามีเป็นช้างเท้าหน้าภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง  เพราะสมัยโบราณนั้นผู้หญิงก็มีความเชื่อเช่นนั้นเป็นทุนอยู่เดิมเหมือนกันดังจะเห็นได้จากวรรณกรรมของอีสานทุกเรื่องจะอบรมสั่งสอนลูกหญิงให้เชื่อฟังผู้เป็นสามีแต่ฝ่ายเดียว  อาจเป็นด้วยเหตุก็ได้ที่ทำให้หญิงไทยชาวอีสานเป็นช้างเท้าหลังตลอดมา  แต่ในภาวะทุกวันนี้ทัศนะให้เรื่องเหล่านี้เริ่มเสื่อมลงไปตามภาวะเศรษฐกิจและบ้านเมืองที่เจริญมากขึ้นสิทธิสตรีก็เสมอกับชายทุกประการ  แต่ถึงกระนั้นก็ตามหญิงก็คือหญิง  สุภาษิตอีสานจะสอนให้ผัวเมียได้รู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับสถานภาพของตน  คือเมื่อเป็นสามีภรรยากันจะต้องรู้จักให้เกียรติกัน  เคารพญาติทั้งสองฝ่าย  ให้มีความขยันมั่นเพียรในการทำมาหากิน  ให้รักเดียวใจเดียวชื่อสัตย์ต่อกัน  ดังคำกลอนสุภาษิตโบราณอีสานสอนในเรื่องหน้าที่ของภรรยาไว้  ๕ ประการว่า
    ๑)  กิจการบ้านให้ทางเมียเป็นใหญ่ให้เมียเป็นแม่บ้านการสร้างซ่อยผัว
    ๒)  ให้มีจาจาเว้าแถลงนัวเว้าม่วนอย่าได้ซึมซากฮ่ายคำเข้มเสียดสี
๓)ให้เมียเคารพชาติเชื้อสกุลฝ่ายทางผัวอันว่าญาติกาวงศ์วานทางฝ่ายผัวให้ค่อยยำเกรงย้าน
๔)  ให้ฮู้จักทำการเกื้อบริวารเว้าม้วนสงเคราะห์ญาติพี่น้องเสมอก้ำเกิ่งกัน
๕)  สินสมสร้างศฤงคารทรัพย์สิ่งผัวมอบให้เมียฮู้ฮ่อมสงวน
แม่ศรีเรือนตามที่ปรากฏในคำสอนชาวอีสานนั้นยังมีอีกนัยหนึ่งคือการใช้จ่ายทรัพย์ที่สามีหามาได้นั้นจะต้องคิดถึงความคุ่มค่าของสิ่งที่จะชื่อให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวมากที่สุด  ดังคำสอนที่ว่า
    ควรที่จับจ่ายซื่อของจำเป็นสมค่าอย่าได้จับจ่ายใช้หลายล้นสิ่งบ่ควร
    คันแม่นทำถึกต้องคองผัวเมียโบราณแต่งจักลุลาภได้ชยะโชคเจริญศรี
        สถาพรพูนผลซู่อันโฮมเฮ้าจักงอกงามเงยขึ้นอุดมผลสูงส่งเงินคำไหลหลั่งเข้า 
        เจริญขึ้นมั่งมีบริบูรณ์ศรีสุขทุกข์บ่เวินมาใก้ล  
    นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำสำหรับผู้เป็นศรีภรรยาที่พึ่งยึดถือปฏิบัติตนในการครองเรือน การจะครองเรือนให้มีความผาสุขได้นั้นจะต้องมีทั้งจรรยามารยาทอันดีงามต่างๆเข้ามาประกอบด้วยคือประกอบพร้อมทั้งทางกาย  วาจา  และน้ำใจของภรรยา ซึ่งจะพบมากในคำกลอนโบราณของอีสานที่มักจะสั่งสอนลูกสาวของตนที่จะแยกครอบครัวออกไปจากพ่อแม่  ซึ่งชาวอีสานเรียกว่าข้อวัตรปฏิบัติสำหรับผู้เป็นภรรยา ดังคำสอนนี้ คือ
แนวแม่หญิงนี้บ่มีผัวซ้อนนอนนำก็บ่อุ่นแม่หญิงซิตั้งอยู่ได้เป็นใหญ่ใสสกุลก็เพราะคุณของผัวคว่ามาแปลงสร้างแม่หญิงนี้ซิมีคนย้านนบนอบยำเกรงก็เพราะบุญของผัว  แม่หญิงซิมีคนล้อมบริวารแหนแห่  ก็ย้อนผัวแท้ๆอย่าจาอ้างว่าโต  ผัวหากโมโหฮ้ายใจไวเคียดง่าย    ให้นางเอาดีเข้าใจเว้าอย่างแข็ง  อย่าได้แปลงความส้มขมในให้ผัวขื่น  ให้เอาดีขื่นไว้ใจเจ้าให้อ่อนหวาน    อุปมาเปรียบได้ดั่งอ้อมันหากอ่อนตามลม  ธรรมดาว่าอ้อลมมาบ่ห่อนโค่น    เพราะว่ามันบ่ตั้งขันสู่ต่อลม  คือดังสมเสลานัอยสอยวอยงามยิ่ง  ก่อผัวซิฮักกล่อมกลิ้งแฝงผั้นบ่มาย  เพราะนางเป็นคนดีได้ใจบุญสอนง่าย บ่เป็นคนบาปฮ้ายใจบ้าด่าผัว มีแต่ทำโตน้อมถนอมผัวโอนอ่อน  บ่แสนงอนดีดดิ้นศีลห้าหมั่นถนอม  หาแต่แนวมาล้อมศีลธรรมคำขอบ  เว้านอบน้อมต่อผัวนั้นซู่วัน   
             อันนี้ชื่อว่าเป็นหญิงมั่นในคองพุทธบาท   เทวดากะซิย่องผิวเนื้อผ่องใสหัวใจเจ้าเป็นหญิงสมชื่อ  ถือคุณผัวขึ้นไว้เพียงแก้วหน่วยตา  ธรรมดาคนนี้อับจนก็ตามซ่าง  ให้ถือคุณผัวขึ้นไว้เมื่อหน้าหากซิมีเจ้าเอย อันหนึ่งในนาถน้อยตื่นก่อนผัวตน  ให้ปรนนิบัติผัวบ่อนนอนหมอนมุ้งยามยุงบินเข้าสมเสลาให้เจ้าไล่ คันเดิกซอกไซ้ให้นอนใกล้หม่อผัว  เจ้าอย่าได้กลังเกรงย้านผ้าห่มคลุมหัว  ให้ผัวนางนอนอยู่สบายหายฮ้อน  นางจงนอนลงถ้อนดอมผัวกลั้วกลิ่น  ให้ผินหน้ามาบีบคั้นขาเส้นนวดเอ็นเจ้าเป็นผู้ฮู้ดูหล่ำดอมผัว  ให้เข้าครัวหาอาหารข้าวปลาวางตั้ง    กับทั้งขั้นน้ำพร้อมวางตั้งจั่งคือผ้าเซ็ดมือพร้อมบรบานทุกสิ่ง    อันว่ากินข้าวนั้นอย่าได้เฮ็ดมูมมาม  นิ้วมืองามของเจ้าอย่าฟั่งงมกินต่อน    บ่วงและซ้อนตักแล้วค่อยกิน  ยามเมื่อกินข้าวให้ผัวลงมือกินก่อน  ยามซินอนให้ไหว้ผัวแล้วจึงนอน  ปรนนิบัติได้จั่งซี้ซิลุลาภได้เงินแก้วมั่งมูล คันว่าผัวหากเดินดั้นมาแต่ทางไกล  ขอให้นางฮีบฮับต้อนเตรียมท่าผ่อผัว  อย่าได้ทำคือบ้าผัวมาบ่อยากเบิ่ง  ผัวมาฮอดบ้านอย่าเฮ็ดบึ้งตึงสีหน้าบ่บาน ผัวซิพาลหาเรื่องคำแข็งโกรธด่า  ห่าว่าเป็นแม่ฮ้างปานเสียแก้วมืดมัว ตนตัวน้องซิเสียศรีหมองหม่น  เพราะคนซิเว้าชาวบ้านกล่าวขวัญ  ขอให้นวลนางน้องตรองดูให้มันถี่  ให้นางยินดีดอมเผ่าผู้ผัวแก้วแห่งตน ให้นางนำไปเลี้ยงสนองคุณปู่ย่า  ให้ระวังปากอย่ากล้าใจพร้อมพร่ำกาย  อย่าได้เป็นหญิงฮ้ายเกเรหลงเพศ  ปากกล่าวต้านสูงพ้นลื่นคน  มันซิผิดหูเฒ่าสองคนปู่ย่าทั้งมวลพี่น้องลุงป้าฝ่ายผัว  ขอให้นางฮักยิ่งล่ำผัวแก้วแห่งตน ผัวหากขวนขวายเลี้ยงแลงงายซู่ค่ำนางเอย คำปากหวานจ้อยๆนำผัวแก้วซู้วัน ขอให้พันธนังติดอย่าหน่ายซังแหนงเว้น  อันหนึ่งขึ้นขั้นไดอย่าเอาตีนทึบ อย่าได้สืบความเพิ่นมาจาตาบ่เห็นอย่าได้เว้าว่าแน่  ขอให้เจ้าเว้าแต่ในทางที่ดี เขาบ่มีความผิดอย่าได้ป้อยด่า อย่าอวดอ้างตีนถีบตีนทำ  ในคำสอนห้ามไว้หลายวาท  อย่าได้กวาดเฮือนเย้ายามกลางค่ำกลางคืน อย่าเอาฟืนจี่หัวก้อนเส้า อย่ากินข้าวเขาะเช้าเขาะแลงอย่ากินแกงผักที่ติดก้นขี้หม้อ  ไม้ค่อล่ออย่าได้เอามาหนุ่น อย่ากินปูนเขาะก้นขี้เถ้าอย่าได้คัวเอาเสื้อเช็ดปาก    อย่าตากผ้าไว้เทิงหลังคา ยามซินอนให้ภาวนายกมือไหว้พระ  อย่าได้เลอะละเอาอาหารเก่ามาให้ผัวกิน อย่ายินดีนอนสูงกว่าผัวของเจ้า    เก็บของเข้าเหมิดแล้วจั่งนอน  เถิงตอนยามเช้าให้เตรียมขันน้ำขันท่าทั้งผ้าเช็ดหน้าเตรียมไว้อย่าให้ถามเป็นหญิงนี้ยามเมื่อห่วนๆก้องกลองตีใกล้ซิฮุ่ง  ให้ฮีบลุกนึ่งข้าวเอาไว้ใส่จั่งหัน  ลุกมาหาไต้คีไฟให้ค่อยย่อง  มีเงินทองให้ทำบุญสร้างศิลทานเช้าค่ำ  บุญซิซ่วยนำให้ลุลาภได้สุขถ้วนซุ่ยาม ธรรมดาคนนี้ควรไปมาหาสู่ ถามข่าวมวลพี่น้องวงศ์เชื้อชาติตนยามขัดสนหรือไข้เจ็บเป็นเอ็นอุ่น  เจือจุนญาติพี่น้องหายฮ้อนเพิ่งเย็น ฯ
    นี้คือคุณสมบัติของสตรีชาวอีสานที่ปฏิบัติต่อสามีและบุคคลๆ  ตลอดถึงมีความขยันและเอาใจใส่ในพระพุทธศาสนา และให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลและธรรมพร้อมทั้งเป็นผู้มีจิตใจอันเป็นบุญเป็นกุศล  นี้คือกุลสตรีตามทรรศนะของคำสอนอีสาน  จะพบว่าเป็นยอดหญิงอย่างแท้จริง ถ้าทำได้อย่างนี้

bandonradio

ส่งข่าวถึงกันและกัน

Recent Posts

www.bandonradio.blogspot.com = คลื่นแห่งสาระบันเทิง ..

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons